ทุกอย่างสวยงามและมีคุณค่า ถ้าเรามองด้วยรายละเอียดผ่านทัศนคติที่ดี
ทุกอย่างสวยงามและมีคุณค่า ถ้าเรามองด้วยรายละเอียดผ่านทัศนคติที่ดี
วันก่อนไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ปกติแล้ว แทบจะทุกร้านก็จะมีพนักงานรักษาความปลอดภัย หรือ อาจจะเป็นอะไรก็แล้วแต่เข้ามาโบกรถเพื่อให้จอด
โดยปกติ ระดับความทุ่มเทของยามทั่วไปที่มาโบกจอดรถนั้น จะอยู่ที่ระดับปกติ ที่บอกว่าระดับปกติคือ เดินเข้ามาแล้วก็โบกให้จอดแบบหน้าตาเฉยๆ จากนั้นพอเสร็จก็เดินจากไป ยกเว้นที่จอดรถ Super Car ของ Paragon จะมีการเดินเข้ามาทักทายสวัสดีก่อน จากนั้นค่อยเดินจากไป อันนี้ก็น่าจะพอทำเนาได้ ว่าคนที่มีรถระดับนี้ต้องเอาใจเค้าหน่อย ตามที่ห้างแยกที่จอดไว้ให้ (แบบระบบทุนนิยมทั่วไป)
แต่ที่ระดับไม่ปกตินั้น คือ เข้ามาบริการเรียกได้ว่าไม่แยกชนิดของรถ พยายามอย่างเต็มที่ ออกลีลาแบบชนิดที่เรียกว่า จอดเสร็จแล้ว โครตเกรงใจเลย ในช่วงเวลาที่เปิดประตูรถนั้น ยังเข้ามาสวัสดี และยิ้มแย้ม
พอเห็นอย่างนี้แล้ว กลายเป็นว่า “น่ารัก” ไปอีกแบบเหมือนกัน เพราะทุกอาชีพที่เรียกตัวเองว่า บริการนั้น เป็นอาชีพที่ต้องมีรอยยิ้มและความอดทนเสมอ โดยที่แทบจะไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้นเลย รอยยิ้มนั้น เปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้จริงๆ
ช่วงเวลาที่จอดรถแล้วขึ้นไปกินข้าวนั้น เหลือบไปเห็น รถอีกคนที่เข้ามาจอด ยามผู้น่ารักคนนั้นก็ยังพยายามโบกด้วยหน้าตาอันยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอีกอย่างเช่นเคย อดคิดไม่ได้ว่า จริงๆแล้ว อาชีพทุกอาชีพนั้น มีสิ่งที่เรียกว่า
“ความสุข”
ซ่อนอยู่ทุกอย่างเลย เอาจริงๆหลายคนบอกว่า การที่เค้าทำอย่างนั้นสงสัยหวังรายได้จากค่าน้ำใจที่คนไทยเป็นคนที่ขี้เกรงใจ อย่างนั้นทุกคนต้องให้เงินเค้าอย่างน้อยสิบบาทยี่สิบบาทต่อคนอย่างแน่นอน ซึ่งในใจกลับคิดว่า ก็ไม่เห็นว่าจะผิดอะไรนี่นา เพราะถ้าเค้าบริการสุดใจขาดดิ้นขนาดนี้ บางทีน้ำใจเล็กๆน้อยๆก็เหมือนกับเป็นยาที่ทำให้เค้ามีแรงสร้างรอยยิ้มที่ดีๆต่อไป
รอยยิ้ม ที่หายากในอาชีพ “ยาม” ในปัจจุบันเหลือเกิน เคยไปจอดรถอยู่ที่ห้างใหญ่ห้างดังในกรุงเทพนี้แหละ กำลังพยายามจอดรถอยู่ เห็นยามอยู่ข้างๆไม่ไกลมาก เหมือนกำลังนั่งเหม่ออะไรซักอย่างอยู่ เค้าเห็นรถเรากำลังพยายามเข้าจอดอยู่ แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น พอจอดเสร็จแล้วมองไกลๆจากนั้นก็เดินจากไป
หรือบางครั้ง เคยเจอมั้ย เหล่าแก๊งตามร้านอาหารที่เวลาจะไปกินต้องจอดรถริมถนน แก๊งพวกนี้ก็จะเข้ามาประมาณว่ามาโบกรถที่เราสามารถจอดได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เรียกได้ว่า จะเข้ามาจอดนี่โบกไว้ก่อน ไม่รู้แหละ แต่โบกแล้วต้องได้เงิน
แล้วเดินมาเก็บค่าจอดรถซะอย่างนั้น ทั้งๆที่เป็นถนนสาธารณะทั่วไป ไม่เห็นจำเป็นต้องเก็บเงินเลย พอไม่ให้ก็เกิดมีการข่มขู่ขึ้นมา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะต้องให้ เพราะไม่อย่างนั้น คนที่จอดคงไม่อยากเดินกลับมาเห็นรถของตัวเองเป็นรอยแน่นอน
กลับมากันที่พี่ยามคนนี้ ท่าทางความขยันในการทำงานของแก ทำให้หลังจากที่กินข้าวเสร็จ อยากลงมาที่ลานจอดรถ เพื่อที่จะดูพฤติกรรมของแกหน่อยสิ ว่าจริงๆแล้วเป็นอย่างนี้ทุกคันหรือเปล่า ซึ่งแกก็เป็นอย่างนี้ทุกๆคัน ประมาณว่าอารมณ์ดีมากๆ มีการถามด้วยว่าทุกอย่างโอเคมั้ย
บางคนที่ถือของมาเยอะๆ แกก็เข้ามาช่วยแบกของขึ้นรถ และแน่นอน ช่วงเวลาที่ช่วยอยู่นั้น หน้าตาของแกก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม ซึ่งดูแล้ว บรรยากาศทำให้คิดถึงโฆษณาของสยามเมืองยิ้ม ที่ทุกคนในโฆษณาแต่ก่อน ยิ้มกันหมด จำได้ว่าตอนที่ดูนั้น บอกได้เลยว่าไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก สยามเราไม่ใช่เมืองยิ้มอย่างนั้น แต่พี่แกก็ทำให้ความคิดนั้นเปลี่ยนไป
ก่อนกลับ เลยไม่ยอมออกรถ พอเห็นช่วงเวลาที่ว่างๆ เลยเดินเข้าไปนั่งคุยกับแกหน่อย ถามว่า เป็นยามมานานหรือยัง แกบอกว่าเป็นมาประมาณ 20 กว่าปีแล้ว เราเลยถามต่อว่า เป็นมานานขนาดนี้ ไม่เบื่อหรือว่าคิดไปทำอย่างอื่นบ้างเหรอ
แกบอกว่า แกมีความรู้สึกว่าไม่ได้ทำงานเลยซักวัน เพราะนี่มานั่งบริการคนเป็นความสุขนะไม่ได้ทำงาน เป็นความสุขที่อยู่ๆก็ได้เงิน แกเห็นคนที่มาจอดแล้ว ก็พยายามคุยทักทาย ได้เจอผู้คน แกบอกว่าอยู่บ้านไม่ได้มันเหงา การมาที่นี่ขอแกทุกวันคือการพักผ่อน คือ “ความสุข”
เลยบอกแกต่อว่า จริงๆแล้วการพักผ่อนเท่าที่รู้จักมา คือการที่เราไปเที่ยวหรือหยุดพักอยู่บ้าน ดูหนังฟังเพลงสบายๆอะไรประมาณนั้นไม่ใช่เหรอ ลุงบอกว่านั่นไม่ใช่สำหรับแก การพักผ่อนของแกคือการได้มาเจอผู้คน การได้มาเห็นความเคลื่อนไหวบนโลกนี้
เลยถามแกต่อไปว่า แล้วมันไม่จำเจบ้างเหรอ เพราะว่าหลักๆแล้วหน้าที่ของแกไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า การที่มานั่งเฝ้าแล้วก็โบกรถให้จอดกับโบกรถให้ออกเลย ซ้ำๆอย่างนี้ทุกๆวันสิน่าเบื่อ
แกบอกว่า บางทีถ้าเรามองเห็นถึงแค่นั้น มันก็จะรู้สึกน่าเบื่อ เพราะว่าเรามองเหมือนคนทั่วไปมอง แต่แกบอกว่า จะไปเบื่อได้ยังไง เพราะรถแต่ละคันไม่เหมือนกัน คนขับก็ไม่เหมือนกัน มันตื่นเต้นนะ การที่ได้โบกรถให้กับคนที่เราไม่ได้รู้จักมาก่อน พอได้โบกเค้าแล้ว ก็ได้มีโอกาสคุย ทักทายด้วย ทั้งที่อาชีพอื่นไม่น่าจะได้อะไรอย่างนี้เท่าไหร่ แต่อาชีพนี้สามารถทำได้ ซึ่งดีมากๆ
ทั้งๆที่เรามองว่าทุกอย่างนั้นดูน่าเบื่อ ทุกอย่างนั้นดูซ้ำๆ วนไปวนมา แต่ในรายละเอียดนั้น ลุงยามกลับเห็นมันด้วยความรู้สึกที่มีความสุขเพราะมันแตกต่าง และมันมีคุณค่าและความหมายมาก ลุงแกยังบอกอีกด้วยว่า เพราะอาชีพอย่างนี้นี่แหละ ที่ทำให้วันนี้แกได้มาพูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนคติกับอาชีพสถาปนิกอย่างเราอีกคนหนึ่ง แกบอกว่าดูสิ อาชีพยามนี่น่าอัศจรรย์จริงๆ
หลังจากที่คุยกับลุงวันนั้น แม้ว่าจะเป็นการคุยในช่วงเวลาสั้นๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามันมีคุณค่ามากจริงๆ ลุงสอนให้คนอย่างเรารู้จักคำว่า
“ทุกอย่างสวยงามและมีคุณค่า ถ้าเรามองด้วยรายละเอียดผ่านทัศนคติที่ดี”
ถ้าทุกคน เห็นคุณค่าและตั้งใจกับอาชีพหรือหน้าที่ของตัวเองด้วยทัศนคติที่ดีและตั้งใจอย่างลุงคนนี้ โลกใบนี้ … น่าอยู่มากๆเลย
พี่นัน นันทวัชร์ ชัยมโนนาถ
www.alepaint.com
www.facebook/alepaint.nun
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น