ติวสถาปัตย์-เวลาไม่สำคัญ ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจ
เวลาไม่สำคัญ ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจ
ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่เครียดของทุกปีสำหรับน้องๆ ม6 ที่กำลังจะเตรียมตัวสอบตรง เพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ซึ่งมีน้องๆหลายคนที่เพิ่งจะรู้ตัวเองว่า อยากเรียนสถาปัตย์ แต่ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 2-3 เดือน จะทันมั้ย
ก่อนอื่นพี่อยากจะบอกน้องครับว่า
“เวลาไม่สำคัญ ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจ”
โอเค ถ้าเกิดดูเวลาแล้ว เราอาจจะไม่ได้เหลือเวลามากกว่าชาวบ้านเค้าเท่าไหร่ (ความเป็นจริงอาจจะเหลือเวลาประมาณ 2-3 เดือนก็จะเริ่มต้นลุยสอบแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับกันก่อนที่จะเริ่มลุยคือ
“เราจะต้องอยู่กับสิ่งที่ให้นานที่สุดเท่าที่เวลาจะเหลือ”
แต่พี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมานั่งอยู่กับการวาดสถาปัตย์ทั้งวันทั้งคืนขนาดนั้นนะครับ
แต่น้องอาจจะต้องลุยแบบที่อดทนกว่าชาวบ้านที่เค้ามาเรียนนำหน้าเราหลายเดือน เค้าอาจจะมีเวลาหรือระบบในการดำเนินชีวิตที่ดีกว่า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะแพ้ เพียงแต่เค้าอาจจะได้เปรียบกว่าเท่านั้น แต่สุดท้ายแล้ว เวลาที่เหลือจะเป็นตัวพิสูจน์เราเองครับ
พี่อยากเล่าเรื่องน้องคนหนึ่งที่พี่เพิ่งสอนมาเมื่อปีที่แล้วเลยดีกว่า น้องคนนี้เป็นคนที่เคยเข้ามาหาพี่ ประมาณว่าเพื่อนสนิทของเค้าจะมาเรียนกับพี่ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เค้าอยู่ ม.4 ครับ ตอนนั้นพี่เองก็ได้นั่งคุยกับน้องคนนี้อยู่แต่ว่าไม่มาก เพราะเป็นลักษณะการพบหน้าแล้วถามไถ่มากกว่าตามประสา
ตอนนั้นจำได้ว่า น้องคนนี้ตั้งใจที่จะเข้าเรียนเป็นหมอ หลังจากนั้น ก็หายหน้าหายตาจากไป อยู่ดีๆวันหนึ่งอีกประมาณ 2 ปีต่อมา ช่วงเวลานั้นจำได้ว่าเหลือเวลาประมาณ 2-3 เดือนนี่ล่ะครับ จะทำการสอบแล้ว
เงื่อนไขคือ เหลือเวลาอีก 2-3 เดือน กับการที่ต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ศูนย์เลย เพราะน้องย้ำมาว่า
“ไม่เคยเรียนหรือมีพื้นฐานมาจากที่ไหนมาก่อนเลย”
และสิ่งที่น้องเค้าเครียดๆก็น่าจะเป็นเหมือนน้องๆทั่วไป ที่ตอนนี้กำลังลังเลอยู่ว่า เวลาเราเหลือเท่านี้แล้วยังจะสามารถสอบได้มั้ย
ซึ่งน้องคนนั้น เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ประมาณว่าไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมา โดยความคิดของพี่นั้น ตอนนั้นพี่เองยอมรับเลยว่า หน้าที่ที่ต้องสอนอันนี้ไม่ต้องห่วง แบบว่าเต็มที่ จัดเต็มกันอยู่แล้ว ที่เหลือคือ ความตั้งใจแบบไม่ปล่อยและความอดทนของน้อง อันนี้พี่เองยอมรับเลยว่า ค่อนข้างไม่แน่ใจอยู่เหมือนกัน ยิ่งอารมณ์ว่าไปแลกเปลี่ยนมา
เพราะการใช้ชีวิตอยู่ที่ยุโรปมานานๆ สำหรับพี่ พี่มีความรู้สึกได้ว่า อาจจะติดนิสัยการรักสบายหรือเปล่า แบบว่าไม่ได้อดทนในการสู้ขนาดนั้น บรรยากาศของยุโรปที่ผ่านมา 1 ปีนั้น อาจจะทำให้เค้าไม่คุ้นชินกับความบ้าบิ่น รีบเร่ง ของสังคมแห่งการแข่งขันรึเปล่า
แต่น้องคนนั้นให้ความมั่นใจมาเต็มที่เหมือนกัน ว่าเค้าเต็มที่จริงๆนะ เต็มที่แบบชนิดที่เรียกว่า “กัดไม่ปล่อย” เลย
ว่าแล้ว ก็เริ่มสอน ช่วงแรกๆก็เหมือนกับน้องๆคนอื่นทั่วไป ไม่มีอะไรแตกต่างมากนัก แต่นับวัน ความบ้าของน้องนี้ยิ่งทำให้พี่ทึ่ง การบ้านที่ให้ไป ก็ไม่คิดว่าจะทำให้เสร็จได้ แต่ก็เสร็จกลับมาได้จริงๆ
ช่วงนั้น คนอื่นๆที่เรียนมาก่อนหน้านี้ ประมาณว่าเรียนกับพี่อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง แต่คนนี้ เรียกได้ว่า มาแบบอาทิตย์ละ 4-5 วันด้วยซ้ำ พี่เองยังถามเค้าเลยว่าแล้วอย่างนี้เอาเวลาที่ไหนมานั่งอ่านหนังสือในส่วนของวิชาการ ซึ่งจริงๆแล้ว ส่วนวิชาการเป็นส่วนที่มีความสำคัญในการสอบเหมือนกันนะ
น้องเค้าก็บอกว่า อันนี้เค้ารู้ และเค้าเดินหน้าในส่วนนั้นควบคู่ไปด้วยแน่นอน เพียงแต่ว่าอาจจะต้องอดทนและหนักกว่าชาวบ้านหน่อย
เมื่อช่วงเวลา 2-3 เดือนผ่านไป น้องคนนี้เข้าสอบตรงที่สนามแรก ผลประกฎว่า
“สอบติดทันที”
สอบติดทันทีในสนามแรก และเป็นสนามของมหาลัยที่อยู่ใจกลางกรุงเทพเลย เป็นมหาลัยที่เด็กหลายคนใผ่ผันอยากเข้า ซึ่งแน่นอนครับ การที่เข้าได้ ไม่ใช่ว่าต้องเก่งวิชานี้วิชาเดียวแล้วจะเข้าได้เลย มันมีองค์ประกอบในส่วนของวิชาการอยู่ด้วย
สำหรับพี่นั้น พี่มุ่งความสนใจไปที่ คะแนนของวิชาความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์มากกว่าครับ เนื่องจากว่า จะได้มาดูเลยว่าที่เข้าได้นั้น ไม่ใช่เอาคะแนนในส่วนวิชาการยื่นแล้วเข้าได้ แบบว่ามาจากวิชานี้จริงๆด้วยหรือเปล่า
ในช่วงเวลาก่อนที่พี่จะดูคะแนนของน้องคนนี้นั้น พี่เองคิดอยู่แล้วครับว่า น้องต้องสามารถฝ่าอะไรอย่างนี้ไปได้แน่นอน เพราะจากการที่ซ้อมทำข้อสอบกันอย่างหนัก บวกกับความตั้งใจและฝีมือที่ผ่านมาเท่าที่พี่เห็นแล้ว พี่ว่าน่าจะไม่มีปัญหาในการสอบเข้า
แล้วก็เป็นอย่างที่พี่คิดจริงๆครับ น้องสอบได้คะแนนที่ออกมาเกือบเต็มร้อย สูงแทบจะที่สุดเลย นี่เป็นสิ่งที่ทั้งคนเรียนและคนสอนภูมิใจ
ตอนที่ได้คะแนนออกมา พี่ถามน้องคนนั้นแบบตรงไปตรงมาเลยนะครับว่า อะไรที่ทำให้คนที่รักสบาย ใช้ชีวิตแบบอยู่ไปเรื่อยๆแบบน้องคนนั้น หันกลับมาลุยและความมุ่งมั่นมากขนาดนี้ เพราะหลายคำตอบจากน้องเค้าพี่เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับน้องๆคนอื่นๆอีกหลายคน
น้องบอกว่า ตัวเค้าเอง อยู่ๆมาวันหนึ่ง เดินผ่านกระจกแล้วมีความรู้สึกว่า
“ถึงเวลารึยัง ที่จะตั้งใจทำอะไรซักอย่างที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี”
จากนั้นก็สัญญากับตัวเองเลยว่า จะตั้งใจทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วลุยมันโดยที่ไม่คิดถึงเรื่องอะไรเลยนอกจากการพัฒนาตัวเองให้ได้ในทุกๆนาที
พี่ไม่ได้แค่สอนให้ความรู้น้องเค้าเท่านั้น แต่น้องเค้าสอนให้พี่ได้รู้อีกบทหนึ่งของชีวิตด้วยครับว่า
“เวลาไม่สำคัญ ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจ”
เพราะเวลาเป็นสิ่งมีค่าที่สุดบนโลกนี้ ถ้าเราตั้งใจกับทุกช่วงเวลาและใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุด ช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ในชีวิตเราจะเกิดขึ้นได้เสมอครับ :)
พี่นัน นันทวัชร์ ชัยมโนนาถ
www.alepaint.com
www.facebook/alepaint
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น